บทความนี้เราจะมาดู Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นเหรียญที่มีมูลค่าอันดับสองของตลาด Cryptocurrency
ด้วยมูลค่าสูงถึง 1ล้านล้านบาท และเป็นหนึ่งในเหรียญที่คอยน์แมนคิดว่าน่าลงทุนระยะยาวที่สุดในขณะนี้
และเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ แม้แต่บิทคอยน์เองนั้น
การลงทุนใน Ethereum นั้นกินขาดกันเลยทีเดียวในปีนี้ ด้วยมูลค่าที่เพิ่มถึง 35เท่าตัว
บทความนี้เราจะมาพูดถึง 3 เรื่องหลักๆนะครับ
- Ethereum คืออะไร
- ทำไมถึงน่าลงทุนในระยะยาว
- ข้อควรระวัง
Ethereum คืออะไร
Ethereum เป็นเหมือน platform ที่ทำให้เราสามารถสร้างแอปไว้บน Blockchain ได้
แล้วมันต่างจากลงแอปในเซิฟเวอร์ของเราเองหรือเช่าที่บน cloud ยังไง?
แทนที่เราจะพึ่งพาบริษัทใดบริษัทนึงเป็นคนดูแลให้แอปเรายังทำงานได้
Ethereum ให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกช่วยกัน process ข้อมูลและรันแอปของเรา
แปลว่า ตราบใดที่ยังมีคอมพิวเตอร์ช่วยรัน Ethereum network อยู่ แอปเราก็จะทำงานได้เสมอ
แอปเหล่านี้เรียกว่า Decentralized application ซึ่งพูดง่ายๆว่าแอปไม่ได้รันจากเซิฟเวอร์กลางที่ใดที่หนึ่งนั้นเอง
Smart Contract คืออะไร
เราสามารถสร้างแอปบน Ethereum ที่ทำงานอัตโนมัติ (trigger) ทันทีที่ condition เป็นไปตามที่เราตั้งไว้
ตัวอย่างเช่นเรา เราสามารถระดมทุนแบบ Kickstarter โดยสร้างสัญญาที่จะให้ Token กับนักลงทุนตามจำนวนเงินที่ที่ให้เราได้ (หรือเรียกว่า Initial Coin Offering -> ICO)
และยัง สามารถโปรแกรมให้บริษัทแชร์รายได้ ปันผลให้กับผู้ถือ Token อัตโนมัติทุกๆเดือน
หรือเราจะเอา Token นั้นมาเป็นตัวแทนของทรัพย์สิน เช่นทองคำ
อย่างเช่นโปรเจค DigiX ซึ่ง 1 เหรียญ DGX เท่ากับ ทอง 100 กรัม ซึ่งเราสามารถเก็บไว้บนมือถือเสมือนเหรียญทองดิจิตอล และแลกเป็นทองจริงเมื่อไหร่ก็ได้
เหรียญ Ether หรือ ETH มีไว้ทำอะไร
ลองเปรียบเทียบดูกับเวลาเราเอาแอปลงเซิฟเวอร์ปกติ เราก็ต้องจ่ายค่าเช่าให้กับบริษัทใดบริษัทนึง
เพราะเรายืมคอมพิวเตอร์ของเค้ามา process และรันแอป
ในขณะเดียวกัน ถ้าเราเอาแอปลงบนใน Ethereum network เราก็ต้องจ่ายค่ารันแอปเช่นกัน
เพียงแค่ว่า คนที่เราจ่ายไม่ใช่บริษัท แต่เป็นคนที่ช่วยเรา process transaction ของแอปเราให้ ซึ่งคือกลุ่มคนที่ขุดเหรียญ ETH ทั่วโลก
ทุกครั้งที่เรารันแอปบน Ethereum มันจะมีค่า Gas
เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเราสร้างรถ (App) ขึ้นมา
การจะให้รถเราวิ่งได้ เราก็ต้องเติม Gas
จะใช้ Gas เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะรถ จำนวนครั้งใช้งานเป็นต้น
ที่นี้ปกติเราเติม Gas ด้วยการจ่ายเงินบาทที่ปั้ม
ใน Ethereum Network เราจ่ายค่า Gas ด้วย ETH แทนที่จะเป็นเงินบาท
เหตุผลที่เราไม่ใช้ ETH จ่ายเป็นค่ารันแอปโดยตรงนั้นเป็นเพราะว่าราคา ETHต่อบาท นั้นเปลี่ยนแปลงเสมอตามราคาตลาด และจะไม่แฟร์ถ้าคนรันแอปต้องจ่ายแพงขึ้นเรื่อยๆ
จำนวน Gas ที่ต้องใช้นั้นจะคำนวณจากปริมาณ processing ของแต่ละแอปจริงๆ
หลังจากนั้นเราจะเลือกราคา Gas ได้ (ยิ่งแพงยิ่งเร็ว) และสุดท้ายเราเอาจำนวน Gas คูณกับราคา Gas จะได้จำนวน ETH ที่เราต้องจ่าย
(ระบบนี้ช่วยแก้ปัญหาที่บิทคอยน์มี เช่นเวลาราคาบิทคอยสูง ค่าโอนเงินก็แพงตามไปด้วย)
ทำไมมูลค่า ETH ถึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
1. คนสร้างแอปบน Ethereum มากขึ้น
เราเข้าใจกันแล้วว่า ETH นั้นมีไว้จ่ายค่า Gas
เหมือนดั่งเช่น รถยนต์ใหม่ๆผลิตมาให้ใช้ Gas ชนิดนี้เป็นเชื้อเพลิง มากขึ้นเรื่อยๆ
คนก็จะต้องการ ETH มาจ่ายค่า Gas มากขึ้นเท่านั้น ราคา ETH ก็จะสูงขึ้นตามลำดับ
Ethereum นั้นถือได้ว่าเป็นผู้นำตลาดในด้านนี้ ถ้ามีใครอยากจะสร้างแอปบนบล็อกเชน Ethereum เป็น platform ที่คนคิดถึงเป็นอย่างแรก
มีโปรเจคมากมายที่ถูกสร้างบน Ethereum เช่น Golem, Augur, Gnosis, Digix, Iconomi, Status, Basic Attention Tokens และอื่นๆอีกมากมาย
โดยที่มูลค่ารวมของโปรเจคเหล่านี้นั้นเกิน นั้นเกิน 1พันล้านดอลลาร์ หรือ เกิน 3หมื่นล้านบาท
Credit: Techcrunch
จากกราฟนี้เราจะเห็นได้ว่า นักพัฒนาเลือกที่จะสร้างบน Ethereum มากกว่า platform อื่นๆ
2. Enterprise Ethereum Alliance (EEA)
EEA นั้นคือกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จนถึง startup ชั้นนำ ที่รวมตัวกันเพื่อประยุกต์ Ethereum ให้ใช้ได้กับในด้านธุรกรรมบริษัท
บริษัทเหล่านี้มีทั้ง Microsoft, JP Morgan, Toyota, Intel อยู่ด้วย
ดูลิสเต็มได้ที่นี่ครับ https://entethalliance.org/members/
3. ICO ถูกสร้างบน Ethereum มากขึ้น
เป็นเพราะความง่ายในการสร้าง smart contract บน Ethereum
นักพัฒนาที่ต้องการเงินทุน ประมาณ 70% ในปีนี้ได้เลือกใช้ Ethereum ในการสร้างเหรียญของสำหรับโปรเจคตัวเอง
แม้ว่าตัวโปรเจคเองอาจไม่ได้สร้างบน Ethereum ด้วยซ้ำ
(ผมจะมาเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับ ICO และประเภทของ Token หรือเหรียญที่ได้ในบล็อกต่อๆไปนะครับ)
Credit: Reddit-CryptoCurrency
โดยที่ปีนี้ เรามี ICO ที่จบไปแล้วถึง 76 โปรเจค โดยได้เงินไปรวมกันแล้วประมาณ 2.7หมื่นล้านบาท
ซึ่งแนวโน้มเราจะมี ICO มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแปลว่าความต้องการ ETH จะสูงขึ้นตามลำดับ
ในขณะเดียวกัน เงินที่โปรเจคต่างๆได้จาก ICO ส่วนมากก็จะถูกดองไว้ และไม่ถูกนำมาใช้ทันที
เพราะส่วนใหญ่แล้วจะต้องถอนออกมาใช้ได้ตาม Timeline หรือที่ Contract กำหนดไว้
ซึ่งทำให้การขาย ETH ลงตลาดน้อยลงและช่วยเพิ่มราคามันในทางอ้อม
4. Proof of Stake (PoS) กำลังมาแทนที่ Proof of Work (PoW)
แทนที่จะใช้การ์ดจอแข่งกันคำนวน hash แก้ปัญหาคณิตศาสตร์เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเราไม่โกง และจะได้มาตรวจสอบ transaction บนบล็อกเชนในที่สุดอย่าง PoW
Ethereum มีแพลนที่จะเปลี่ยนมาใช้ PoS แทน ซึ่งพูดง่ายๆว่า เราจะเอา ETH ที่เรามีมาเดิมพันในการตรวจสอบ
ถ้าเราพยายามจะโกง ตรวจสอบออกมาแล้วไม่เหมือนคนอื่น เราก็เสี่ยงที่จะสูญเสียเงินตรงนั้นไป
ส่วนคนที่ช่วยตรวจสอบก็จะได้ค่าตอบแทนเป็น ETH ตามจำนวนเหรียญที่ถือ เสมือนได้ดอกเบี้ยจากธนาคารนั้นเอง
ซึ่งแปลว่า แทนที่คนจะขุด ETH ออกมาขายในตลาด คนก็จะเลือกเก็บ ETH ที่ได้ไว้ เหมือนกับดอกเบี้ยทบต้น
บางคนที่ไม่มี ก็อยากซื้อและถือ ETH เพื่อกินเป็นรายได้ประจำ
Supply ต่ำลง Demand สูงขึ้น แปลว่าอนาคตอันใกล้นี้ Ethereum มีสิทธิที่จะราคาเพิ่มเมื่อเปลี่ยนมาใช้ PoS
ข้อควรระวัง ก่อนลงทุน
1. ถึงแม้ Ethereum อาจจะดูอนาคตสดสัย ก็ยังไม่มีใครมั่นใจได้ว่าราคาที่ Ethereum ควรจะเป็นคือเท่าไหร่
2. ICO มีมากขึ้นนั้นดีต่อ Ethereum ก็จริง แต่ล่าสุด Ethereum network ถึงขั้นมีปัญหาเพราะคนลงทุน ICO พร้อมกันจำนวนมาก
ซึ่งข้อนี้ทำให้คนเริ่มไม่มั่นใจในศักยภาพของ Ethereum
3. คู่แข่ง – ถึงแม้ Ethereum จะเป็นผู้นำในตลาดตอนนี้ในด้าน app platform มันยังมีคู่แข่งหน้าใหม่มากมายเช่น AEthernity, Lisk, AntShares และอื่นๆ
ที่พยายามทำให้การสร้างแอปบน Blockchain นั้นง่ายขึ้น
คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ? สำหรับผมแล้ว ETH นั้นเป็นเหมาะกับการลงทุนระยะยาวมาก
ถ้าเรามองในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า อาจจะไม่ใช่ทุกเหรียญที่จะอยู่รอดได้ถึงตอนนั้น
แต่ ETH นั้นมีแนวโน้มที่จะอยู่ และครองต่ำแหน่งเหรียญมูลค่าอันดับต้นๆได้
โดยเฉพาะถ้ามีแอปมากมาย ICO มากมาย ถูกสร้างบน Ethereum platform
มูลค่า ETH นั้นจะสามารถสูงขึ้นไปกว่านี้ได้อีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ก่อนจบบทความนี้ก็ขอฝากทุกคนคอยดูหรือเอาใจช่วยให้มูลค่า ETH สูงผ่านบิทคอยน์ไปได้
ไว้เจอกันในบทความหน้าครับ สนใจหัวข้ออะไร อินบ๊อกซ์มาได้ครับ
ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางคอยน์แมนเพจนะครับ