มุมมองตลาดและเทคโนโลยี

Bitcoin = ทองดิจิตอล !?

บิทคอยน์นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเงินดิจิตอลที่เราสามารถใช้จ่ายหรือโอนหากันได้โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ (Peer-to-peer electronic cash)

แต่ทว่า ทำไมบางกลุ่มถึงกลับมองว่ามันไม่เหมาะที่จะเป็นสกุลเงินที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน 

ในบทความนี้ผมขอแชร์มุมมองที่บิทคอยน์นั้นอาจไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ผู้สร้างตั้งไว้ กลับกัน ด้วย condition ในปัจจุบันของมัน ผู้ใช้และตลาดเริ่มมองว่ามันจะมาแทนที่ทองคำ

ทำไมถึงไม่เหมาะกับการเป็นสกุลเงิน?

เราเห็นข่าวเกี่ยวกับร้านค้าต่างๆเริ่มมารับบิทคอยน์ในการชำระเงินมากขึ้น ร้านรับเยอะจริง แต่เมื่อเรามีทางเลือกระหว่างใช้เงินบาทกับใช้บิทคอยน์ ทำไมคนถึงยังเลือกที่จะใช้เงินบาทจ่ายหละ

ร้านค้าและธุรกิจยังเดินด้วยเงินบาท

แม้เราจะเห็นว่ามีร้านมากมายเริ่มรับการชำระเงินด้วยบิทคอยน์

แต่ส่วนมากนั้นรับเพื่อแค่เพิ่มช่องทางในการจ่ายเงินให้ลูกค้า หรือเรียกลูกค้าด้วยออฟชั่นจ่ายด้วยบิทคอยน์นั้นเอง

โดยความเป็นจริงแล้ว ทางร้านนั้นต้องการเงินบาท ไม่ใช่บิทคอยน์ 

ส่วนมากบิทคอยน์ที่ได้รับมาจะถูกแปลงเป็นเงินบาททันที

ทำไมนะหรือ พูดง่ายๆก็คือ

ของที่ซื้อมาขาย ซื้อมาด้วยเงินบาท

ค่าจ้างพนักงาน เป็นเงินบาท

ค่าน้ำค่าไฟ จ่ายเป็นเงินบาท

เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ราคาสินค้าหรือเซอร์วิส ก็จะถูกตั้งโดยอิงกับต้นทุนเงินบาทนั้นเอง

Non-value added

ในเคสที่ธุรกิจยังอิงเงินบาทอยู่ เราอาจไม่เห็นค่อยประโยชน์ในการใช้บิทคอยน์จ่ายแทนเงินบาท

แถมจะมีข้อเสียอีก มาดูกันนะครับ

1. จำนวนบิทคอยน์ที่จะใช้จ่ายจะไม่คงที่

ตัวอย่างเช่น ถ้าของมูลค่า 5,000บาท เวลาเราจ่ายเงินด้วยบิทคอยน์ ร้านจะตีมูลค่าแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์ต่อเงินบาท ณ เวลานั้น ให้เท่ากับ 5,000บาท

ดังนั้นจำนวนบิทคอยน์ ที่ใช้ชำระสินค้าจะไม่เท่ากันทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับราคาตลาด

อย่างไรก็ตาม ยังมีร้านบางส่วน (ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าหรือเซอร์วิสที่เกี่ยวของกับ Cryptocurrency อยู่แล้ว) ที่จะรับบิทคอยน์ด้วยมูลค่ามันจริงๆ เช่น ขายซอฟแวร์มูลค่า 0.05 BTC โดยที่ไม่สนว่าตอนนั้นมูลค่า บิทคอยน์จะเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น

แต่สำหรับคนที่เอาไปใช้จ่ายแล้ว ถ้าทรัพย์สินที่มีมูลค่าและมีการเติบโตที่ดี เราก็จะเลือกที่จะลงทุนและเก็งกำไรมากกว่าที่จะนำมาใช้จ่ายรายวัน เราคงไม่คิดตัดทองบางส่วนไปชำระสินค้าใช่ไหมละครับ

2. แพงกว่าจ่ายด้วยเงินบาทโดยตรง

ปกติทางร้านจะใช้ 3rd party payment processor เป็นคนแลกเปลี่ยนบิทคอยน์กลับเป็นเงินบาทให้

หรือต่อให้ร้านไม่ใช้ ทางร้านก็ต้องเอาบิทคอยน์ไปแลก และรับความเสี่ยงของการแกว่งของราคาบิทคอยน์อีกด้วย

ผลก็คือ พวกเราจะได้เรทที่ไม่ดีเวลาจ่ายเงิน (ทางร้านบวกเพิ่ม หรือ commission จาก 3rd party payment processor)

เช่นของราคา 5,000บาท ถ้าเราจ่ายด้วยบิทคอยน์ เราลองคำนวณราคากลับแล้วอาจจะได้ประมาณ 5,100บาท

เพราะฉะนั้น คนที่มีบิทคอยน์ส่วนมากจะเลือกที่จะแลกบิทคอยน์กลับเป็นเงินบาทตาม Exchange แล้วเอาเงินบาทมาใช้จ่าย จะคุ้มกว่ากันเยอะ

**การจ่ายด้วยบิทคอยน์จริงๆแล้วนั้นอาจจะช้าและแพงกว่าที่ทุกคนคิด ซึ่งปัญหาทางเทคนิคนี้อาจจะแก้ได้ในอนาคตโดยการใช้ Segwit + Lighting Network

3. มีทางเลือกชำระเงินที่ดีกว่า

การใช้บัตรเครดิตก็ยังเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยการที่เราสามารถเอาเงินในอนาคตมาจ่าย หรือทั้งได้คะแนนสะสมอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ทำให้คนที่เคยชินกับการใช้บัตรเครดิต ลังเลที่จะบิทคอยน์ชำระเงินซึ่งเปรียบเสมือนใช้เงินสดชำระเงินนั้นเอง

Bitcoin = ทองดิจิตอล

บิทคอยน์ในความคิดผมเป็นเสมือน ทรัพย์สินเช่นทองคำมากกว่า

ซึ่งจริงๆแล้วผมคิดว่าบิทคอยน์นั้นเป็น store of value ที่ไว้เก็บมูลค่าที่ดีกว่าทองด้วยซ้ำ

ทำไมนะหรอครับ? เรามาลองเปรียบเทียบกันนะครับ

สิ่งที่เหมือนกัน

  • เสกไม่ได้ และมีจำนวนจำกัด

ทองคำเราก็ต้องขุด บิทคอยน์เราก็ต้องขุด ทองนั้นมีปริมาณจำกันในโลก บิทคอยน์ก็เช่นกัน

ซึ่งต่างกับสกุลเงินเช่น USD ที่ตั้งแต่ปี 1971 นั้นไม่ได้มีทองค้ำมูลค่าอีกแล้ว และในปัจจุบัน FED สามารถพิมเงินออกมาได้โดยที่ไม่ต้องมีทรัพย์สินค้ำประกัน

*การมีจำนวนจำกัดไม่ได้ทำให้ของมีมูลค่าขึ้นมา แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่ามันจะไม่เสียมูลค่าเพราะมีจำนวนเพิ่มในตลาดอย่างคาดการณ์ไม่ได้

  • คงทน

หนึ่งในเหตุผลที่ทองถูกนำมาใช้แทนค่าเงินในสมัยก่อนนั้นเป็นเพราะวัสดุที่มีความคงทน ไม่สึกหรอได้ง่าย (เมื่อเทียบกับ silver) และในขณะเดียวกัน สามารถหลอมได้ง่าย (เมื่อเทียบกับ platinum)

สำหรับบิทคอยน์ ตัวเหรียญที่อยู่บน Blockchain นั้นไม่สามารถถูกทำลายได้

สิ่งที่บิทคอยน์ดีกว่า

  • มีปริมาณที่ชัดเจน

ถึงแม้ว่าทองจะมีจำนวนจำกัด แต่เราก็ไม่รู้ปริมาณที่แน่ชัด โดยที่ทุกปีนั้นจะมีทองที่ถูกขุดและเข้ามาในตลาดประมาณ 1-2%

กลับกัน บิทคอยน์นั้นมีปริมาณที่แน่ชัด และเราสามารถคำนวนได้ว่าจะมีเหรียญที่ถูกขุดเข้ามาในตลาดเท่าไหร่ในแต่ละปี

  • ความเป็นเจ้าของ

ถ้าจะซื้อเป็น paper gold แล้วเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ มันก็อาจเป็นแค่กระดาษไม่มีค่าใบนึง หรือเราอาจจะต้องแย่งทองชิ้นเดียวกับอีกหลายคน (paper gold มีความเสี่ยงที่คนอื่นก็อาจจะมีใบจองทองชิ้นเดียวกับเรา)

กลับกัน เราสามารถเป็นเจ้าของบิทคอยน์จริงๆโดยเก็บในกระเป๋าที่เราถือ Private key เอง

  • ความล่องตัวในการซื้อขาย (liquidity)

เมื่อเทียบกับกระบวนการในการขายทองคำแท่ง การขายบิทคอยน์นั้นง่ายกว่าและถูกกว่ากันมาก

รวมทั้งการที่เราไม่ต้องพึ่งตัวกลางในการโอนด้วย

อีกทั้งการซื้อและครอบครองบิทคอยน์ได้ง่ายกว่าทองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอลนี้

  • ความปลอดภัยสูงกว่า และจัดเก็บได้ง่าย

การเก็บทองคำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องหาทั้งที่ปลอดภัยและกว้างเพียงพอที่จำเก็บมัน เก็บที่บ้านก็อาจไม่ปลอดภัย และเราก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ถ้าเราเก็บทองจำนวนมากไว้ที่ไหน

จะฝากเก็บก็มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ต่างจากบิทคอยน์ที่อยู่บน Blockchain และเราซึ่งมี Private key สามารถเข้าถึงบิทคอยน์ของเราได้ง่ายๆไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนของโลก และไม่มีใครรู้ว่าเรามีบิทคอยน์เก็บไว้เท่าไหร่ (ถ้าเขาไม่รู้ Public address ของเรา)

*แถมยังมีความเสี่ยงจากการถูกรัฐอายัดทรัพย์สินด้วย แต่ถ้าเราเก็บไว้บน Blockchain ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถยึดเงินของเราไปได้

Safe Haven

ทองนั้นเป็นทรัพย์สินที่นักลงทุนนิยมมาใช้ประกันความเสี่ยง (hedge) ต่อการลงทุน หรือต่อวิกฤตต่างๆเช่น สภาวะเศษฐกิจถดถอย (recession) ความไม่มั่นคงทางการเมือง หรือสงครามเป็นต้น ในเวลาเหล่านั้น การจะครอบครองทองคำแท่งจริงๆนั้นยากมาก ตรงกันข้าม เรายังสามารถเทรดและครอบครองบิทคอยน์ได้ไม่ยาก ที่สำคัญเราไม่มีปัญหาในการแสดงความเป็นเจ้าของ

ปิดท้าย

สิ่งเหล่านี้ทำให้คนหันมามองว่าในระยะยาวแล้ว บิทคอยน์นั้นสามารถมาใช้แทนทองได้

ในปีที่เขียนบทความนี้คือปี 2017 บิทคอยน์มีมูลค่ารวมเท่ากับ $44 billions ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดทองที่มีมูลค่าถึง $8 trillions บิทคอยน์นั้นมีค่าเพียงแค่ 0.55% ของตลาดทอง

ถ้าเราคิดว่าบิทคอยน์นั้นสามารถเป็นทองดิจิตอลได้จริง มันก็แปลว่ายังมีที่เหลือให้บิทคอยน์โตอีกมาก (รวมถึงการแย่งส่วนแบ่งตลาดกับทองคำ) ยิ่งในปัจจุบันที่คนเริ่มให้ความเชื่อถือในเงินกระดาษสกุลหลักๆน้อยลง และหันมาถือทองมากขึ้น ทำให้บิทคอยน์เติบโตได้ดีเพราะบิทคอยน์เป็นอีกทางเลือกนอกจากการถือทองนั้นเอง โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มที่จะเลือกทรัพย์สินดิจิตอลเช่นบิทคอยน์มากกว่าทอง

สรุปแล้ว ผมคิดว่าบิทคอยน์อาจไม่ได้มาเป็นสกุลเงินที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน กลับมัน มันจะมาเป็นเหมือน Gold standard สำหรับเหรียญ Crypto อื่นๆ และเป็นเสมือน Digital Gold ในโลกนี้ครับ

**ในวันนี้ปี 2021 กลับมาย้อนอ่านบทความนี้บิทคอยน์มีมูลค่ารวมเท่ากับ $0.75 trillions ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดทองที่มีมูลค่าถึง $10 trillions บิทคอยน์นั้นมีค่ามากถึง 7.5% ของตลาดทองแล้ว 🙂

ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางคอยน์แมนเพจครับ

https://www.facebook.com/coinmanth/