วัน ICO: 17 ตุลาคม 2017 (Whitelist โดยให้อีเมลล์บนเวป)
Hard cap: 127,500 ETH (~$40m)
Website: https://ripiocredit.network/
ปัญหาที่แก้: Ripio Credit เข้ามาแก้ปัญหาการกู้ยืมที่ปกตินั้นคนทั่วไปนั้นกู้จากธนาคารไม่ได้ง่ายๆ หรือยิ่งไปกว่านั้นคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารไม่สามารถหาที่กู้(ที่ถูกกฎหมายได้)เนื่องจากไม่มีประวัติเครดิต
Ripio หรือชื่อเดิมว่า Bitpagos เป็น startup ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2013 และได้รับเงินระดมทุนจาก VC ต่างๆรวมถึง $6m ด้วยกัน ในปีนี้บริษัทได้รีแบรนด์ตัวเองเป็น Ripio
Ripio นั้นเริ่มต้นธุรกิจจากการให้บริการ mobile wallet สำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิตในอเมริกาใต้(อาร์เจนติน่า บราซิล)ซึ่งมีมากถึง 80% ของประชากรทั้งหมด(เพราะไม่ใช้ธนาคารนั้นเอง) ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อของออนไลน์ได้ง่ายๆ Ripio mobile wallet นั้นจึงมาช่วยในด้านนี้โดยใช้บิทคอยน์เป็นเสมือนตัวกลางการจ่ายเงิน แปลว่าฝั่งคนขายและคนซื้อไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการใช้บิทคอยน์ อีกทั้ง Ripio ยังเปิดให้ผู้ใช้สามารถใช้เงินล่วงหน้าเหมือนบัตรเครดิตหรือกู้ยืมเงินระยะสั้นได้อีกด้วย
ต่อมาในปีนี้ บริษัทสร้างโปรเจค Ripio Credit ขึ้นมา ซึ่งโฟกัสไปที่การกู้ยืมเงินสำหรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะด้วยระบบ P2P lending ที่ใช้บล็อคเชนและ smart contract ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกู้ยืมและสร้างประวัติเครดิตของตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ในขณะเดียวกันนักลงทุนก็สามารถเอาเงินไปสร้างรายได้จากดอกเบี้ยโดยการปล่อยให้คนกลุ่มนี้ยืมอีกด้วย
ในระบบนี้ จะมีกลุ่มที่ 3 ที่เรียกว่า Consigner ที่มาช่วยค้ำประกันหากผู้ยืมไม่มีเงินจ่ายคืน ซึ่งแปลว่าคนที่ให้ยืมไม่จำเป็นต้องกลัวในเรื่องไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด (แต่ต้องเสียค่า premium ให้กับ consigner ซึ่งเท่าไหร่นั้นก็อาจจะขึ้นอยู่กับคะแนนและประวัติเครดิตของผู้กู้เป็นต้น)
เหรียญมีไว้ทำอะไร: RCN เป็นเหรียญสกุลเงินตัวกลางในระบบ Ripio Credit ที่มีไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลหลักเวลาปล่อยกู้
ทำไมถึงน่าลงทุน:
- เป็นธุรกิจที่มีเปิดตัวมานานแล้ว และกำลังขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง (ตอนนี้กำลังขยายจากอาร์เจนติน่าไปยังบราซิล)
- มี prototype ที่กำลังถูกทดสอบอยู่บน Testnet
- มีลูกค้าเก่าอยู่แล้วที่พร้อมจะใช้ระบบใหม่นี้ทันที
- ระบบให้กู้ยืมในสกุลเงินหลัก ทำให้คนใช้ไม่สับสนหรือต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ cryptocurrency (ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ทำให้ลูกค้าใหม่เข้าถึงและ adopt ได้ง่ายขึ้น)
- รูปแบบของการกู้ยืมนั้นสามารถมีได้หลากหลาย โดยเริ่มแรกในระบบจะเริ่มจากรูปแบบง่ายๆเช่น กู้ยืมแล้วจ่ายคืนครั้งเดียวพร้อมดอกเบี้ย และในอนาคตจะมีการกู้ยืมผ่อนจ่ายและรูปแบบอื่นเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆด้วย
- บริษัทมีการระดมทุนมาแล้วทั้ง seed funding และ series A จากกลุ่มนักลงทุนชื่อดังต่าง
- Telegram ตอนนี้มี 1,000 คนแล้ว
- ไม่มีโบนัสในช่วง pre sale และ public sale ICO (ให้เป็นข้อดีเพราะจะได้ไม่มีพวกได้โบนัสแล้วเทขาย)
ความเสี่ยง:
- ดูจาก Roadmap แล้ว อาจจะยังไม่มีการใช้งานจริงจนกว่าจะปีหน้า
- ตลาดการกู้ยืมนั้นเริ่มที่จะมีคู่แข่งในต่างประเทศแล้ว ทำให้อาจขยายตลาดไปยังทวีปอื่นได้ยาก
- ตลาดในอเมริกาใต้อาจดูไม่ฮอทในสายตานักลงทุน??
- Hard cap ยังถือว่าสูง
ราคาตอนเข้า Exchange: ด้วย hard cap ที่สูงประมาณ $40m และยังไม่มีการปล่อยระบบให้ใช้งานในปีนี้ ทำให้ตอนเข้าตลาดอาจจะไม่มีการแย่งกันซื้อเท่าไหร่ ราคาไม่น่าจะขึ้นในระยะสั้น ไม่เหมาะสำหรับสาย flip ที่กระโดดย้าย ICO ตอนเข้าตลาดทันที
ราคาระยะยาว: ระยะยาวน่าจะดีเนื่องจากมีธุรกิจพร้อม ลูกค้าพร้อม (โอกาสสำเร็จสูงเนื่องจากไม่ได้เริ่มธุรกิจใหม่) และที่สำคัญไอเดียในเรื่องการกู้ยืมโดยไม่ผ่านธนาคารนั้นมีอนาคตแน่นอน คาดว่าราคาไปได้เกิน 10 เท่าได้ไม่เกิน 9 เดือน
สรุป: ถือว่าเป็น ICO โปรไฟล์ดีอีกตัว แต่เนื่องจากมีแนวโน้มว่าราคาไม่น่าจะพุ่งทันทีตอนเข้า exchange สำหรับคนไม่รีบก็สามารถที่จะรอซื้อหลัง ICO ก็ได้ หรือไม่ก็ลง ICO ไปนิดนึงเผื่อมันพุ่ง (กระแสอาจจะมาช่วง ICO พอดี) แต่ตัวนี้แนะนำให้คอยจับตาดูไว้ครับไม่ว่าจะลง ICO หรือไม่ ยังไงก็อย่าลืมไป whitelist โดยใส่อีเมลล์บนเวปไซต์ก่อนครับ
DYOR (Do Your Own Research) หรือค้นหาข้อมูลด้วยตนเองเสมอ แล้วเอามาเปรียบเทียบก่อนที่จะลงทุนอะไรทุกครั้งนะครับ
ไม่ควรซื้อตามใครโดยที่ไม่เชคทั้งสิ้น และที่สำคัญ อย่าลงเงินมากกว่าที่ตัวเองจะเสียได้นะครับ
ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางเพจคอยน์แมนครับ