มุมมองตลาดและเทคโนโลยี

บล็อกเชนจะมาปฏิวัติ “ตลาดอสังหาฯและที่ดิน” อย่างไร!?

คราวที่แล้วคอยน์แมนได้พูดถึงพัฒนาการของบล็อกเชนและการเข้ามาของ Dapp (Decentralized application) ที่มีศักยภาพในการเข้ามาเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจต่างๆได้

วันนี้เลยอยากจะมาพูดถึงเรื่อง Asset-backed Token หรือเหรียญที่มีทรัพย์สินหนุนมูลค่า ซึ่งเพื่อนๆอาจเคยได้ยินบ้างแล้วจากโปรเจคเช่น GoldMint และ Digix ที่สร้างเหรียญโดยการใช้ทองคำค้ำมูลค่า

ถ้าเราเอาคอนเซป Asset-backed Token นี้มาใช้กับทรัพย์สินเช่นที่ดินหละ มันจะทำให้การถือครองและซื้อขายในตลาดอสังหาฯพัฒนาขึ้นได้ขนาดไหน มาดูกันครับ

ปัญหาในปัจจุบัน

ถ้าเราพูดถึงการลงทุนในอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อที่ดินหรือซื้อบ้าน ไม่ว่าจะไว้อยู่เอง ปล่อยเช่าหรือถือเก็งกำไร ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้

  • ใช้เงินจำนวนมาก ทำให้ตลาดนี้คนเข้าถึงยาก (high barrier of entry)
  • หนี้จากการกู้ยืม ซึ่งเป็นทั้งความเสี่ยงระยะยาวสำหรับคนกู้ รวมถึง opportunity cost ที่เสียไปเพื่อแลกกับความมั่นคงทางการเงิน เพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินผ่อน
  • เงินจม ไม่สามารถซื้อขายได้ง่าย
  • ค่าคอมมิชชั่นสูง ค่านายหน้าสูง ค่าดำเนินการสูง
  • ค่าบำรุงรักษา ค่าส่วนกลาง และค่าใช้จ่ายจิตปาถะอื่นๆ
  • การถือครองที่นั้นยุ่งยาก ขั้นตอนเยอะ
  • การโอนถ่ายความเป็นเจ้าของยุ่งยาก

บล็อกเชนเข้ามาแก้ปัญหาอย่างไร

เราพอรู้กันแล้วว่าเหรียญ(Token) ในระบบบล็อกเชนเช่นบิทคอยน์นั้นมีความโปร่งใสที่เราสามารถเช็คได้ว่าเหรียญทั้งหมดมีจำนวนเท่าไหร่และใครถือเหรียญไว้เท่าไหร่บ้าง อีกทั้งเรายังสามารถโอนให้กันได้โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ 

ถ้าเรานำคอนเซปนี้มาใช้โดยที่มูลค่าของเหรียญมีทรัพย์สินที่จับต้องได้เช่นที่ดินค้ำไว้หละ? จะออกมาเป็นยังไง มาดูกันครับ

  • สร้างเหรียญที่ดิน Bitland โดย 1 Bitland นั้นจะเป็นตัวแทนพื้นที่ 1 ตารางเมตร
  • เราสามารถแบ่ง “ที่ดิน A” ที่มีขนาด 441 ตารางเมตร ให้เป็นเหรียญโดยมีสัดส่วนเท่ากับ 441 A-Bitland 
  • ในที่นี้ถ้าเราถือ 441 A-Bitland ก็แปลว่าเราเป็นเจ้าของ “ที่ดิน A” ทั้ง 441 ตารางเมตร
  • ถ้าเราถือ 6 A-Bitland ก็แปลว่าเราครอบครองที่ดินอยู่ 6 ตารางเมตร

ดูตัวอย่างได้จากภาพด้านล่างครับ

หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็น “ที่ดิน A” “ที่ดิน B” “บ้าน C” “คอนโด D” ก็สามารถเอาความเป็นเจ้าของมาแปลงเป็นบล็อคๆในรูปแบบเหรียญได้ทั้งนั้น (หรือเรียกได้ว่าเป็น Asset-backed Token) แต่เราทำไปเพื่ออะไรนั้น มาดูกันครับ

ทำให้เราสามารถซื้อขายหรือโอนทรัพย์สินที่(เคย)ไม่มีความคล่องตัวเมื่อไหร่ก็ได้

ในปกติแล้วการจะแบ่งที่ดินหรือโอนย้ายที่ดินให้คนอื่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว มันทั้งใช้เวลานานและต้องใช้เอกสารมหาศาล

กลับกันถ้าเราได้แปลงที่ดินให้กลายเป็นเหรียญ (Tokenized Asset)  เราสามารถโอน 50 A-Bitland (50 ตารางเมตร) ให้กับคนอื่นได้ ไม่ต่างกับการโอนบิทคอยน์ มันจะทั้งสะดวกสำหรับผู้โอน และขณะเดียวกันผู้รับก็สบายใจได้ว่าเค้าเป็นเจ้าของแล้วจริงๆ เพราะเค้าจะมีเหรียญ A-Bitland อยู่ใน Wallet ของตัวเอง

อีกทั้งเราสามารถใช้ Smart contract ในการตกลงเงื่อนไขความเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าดูแลรักษาส่วนกลาง สิทธิในพื้นที่ และเงื่อนไขอื่นๆอีกมากมาย โดยที่ไม่ต้องมีเอกสารวุ่นวาย (ลดตัวกลางและธุรกรรม = ลดค่าใช้จ่าย ลดค่านายหน้า

บล็อกเชนนั้นจะสร้างความคล่องตัวให้กับสินทรัพย์ที่มีตัวตนในโลกของเราที่ปกตินั้นโอนย้ายลำบากโดยการทำให้มันเป็นเหรียญซะ หลังจากนั้นเราจะขายหลังซื้อมาวันเดียวก็ได้ หรือจะโอนเป็นของขวัญให้ลูกหลานก็ทำได้ทันทีง่ายๆเลยทีเดียว

เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถลงทุนในอสังหาฯได้

ในปกติแล้ว การลงทุนในอสังหาๆนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ต่างจากตลาดที่ฮิตกันอย่างตลาดหุุ้น ที่ใช้จำนวนเงินขั้นต่ำน้อยเพราะเราสามารถเลือกที่จะซื้อหุ้นเดียวก็ได้ตามกำลังเงินลงทุนของเรา

กลับกัน ถ้าเราลองนึกภาพว่าที่ดินนั้นสามารถซื้อขายได้ง่ายๆโดยการใช้เวปเทรดเหมือนกับตลาดหุ้นหรือตลาด crypto มันจะดีต่อทุกคนขนาดไหน ตัวอย่างเช่น

  • ที่ดิน A ขนาด 441 ตารางเมตร = 441 A-Bitland มูลค่าทั้งหมด 4.41ล้านบาท
  • เราไม่มีเงินขนาดนั้นที่จะซื้อทั้งหมด แต่เราอยากลงทุน
  • เราสามารถลงทุนแค่ 6 A-Bitland ได้ ซึ่งก็คือเราซื้อที่ดิน A เพียง 6 ตารางเมตรโดยใช้เงินเพียงแค่ 6หมื่นบาท
  • เราสามารถกระจายการลงทุนได้ดีขึ้น เช่น เรามีงบประมาณ 1ล้านบาท แทนที่เงินเราจะจมไปกับที่ๆเดียว เราสามารถซื้อ 5ตารางเมตรจากที่แถวทองหล่อ แล้วอีก 10ตารางเมตรจากที่แถวสาธรก็ได้
  • ขณะเดียวกัน เราสามารถรับผลประโยชน์ตามสัดส่วนพื้นที่ๆเราเป็นเจ้าของอีกด้วย (ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นสามารถสร้างรายได้) เช่นได้ค่าเช่าบ้าน

ลดหนี้สินให้เจ้าของที่ ด้วยการระดมทุนจากนักลงทุนภายนอก

หลักๆแล้ว การซื้อเหรียญที่ดินนั้นทำให้คนเข้าถึงมาขึ้น เพราะเงินขั้นต่ำในการลงทุนลดลง ผลก็คือพวกเราไม่มีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินมาลงทุนในตลาดอสังหาๆ หรือดีกว่านั้นคือพวกเราสามารถซื้อบ้านอยู่โดยที่ไม่ติดหนี้มากมายอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น

  • มีบ้านอยู่แล้ว (กู้เงินมาซื้อ) ในเคสนี้เราสามารถเลือกเอา 25% ของบ้านมาแบ่งเป็นเหรียญและขายให้กับนักลงทุนที่สนใจ เราก็จะได้เงินสดกลับมาก้อนใหญ่ในขณะที่เรายังเป็นเจ้าของบ้านอยู่

  • หรือถ้าเราอยากจะซื้อบ้าน เราก็สามารถเลือกใช้การระดมทุนจากภายนอกแทนที่จะไปกู้เงินจากธนาคาร ในที่นี้เราได้บ้านเป็นของตัวเองเพราะเราถือเหรียญส่วนมาก (51% A-bitland) ในขณะที่นักลงทุนภายนอกถือเหรียญที่เหลือ (49% A-bitland) ซึ่งสามารถเอามาเทรดต่อเก็งกำไรในตลาดได้ พูดง่ายๆคล้ายๆกับใช้ crowdfunding มาช่วยซื้อบ้าน

ปิดท้าย

จากตัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อนๆน่าจะเห็นศักยภาพของบล็อกเชนที่สามารถเข้ามาปฎิวัติตลาดอสังหาฯที่มีมูลค่ามากกว่า 217ล้านล้านดอลล่าร์ทั่วโลกได้นะครับ

ซึ่งในปัจจุบัน เราก็เริ่มเห็นโปรเจคหลายๆอันเข้ามาทำด้านนี้ เช่น LAToken, Proofsuite, Propy, SmartRE, Real และ Atlant (ไปเช็คดูได้เผื่อสนใจครับ บางอันก็กำลังทำ ICO อยู่)

แต่อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรามีทั้งปัญหาเรื่องกฎหมายและการเสียผลประโยชน์จากพวกตัวกลางต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่คอยน์แมนก็เชื่อว่าอีกไม่นาน(3-5ปี)เราน่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดนี้กันครับ

 

ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางเพจคอยน์แมนครับ

https://www.facebook.com/coinmanth/