วิเคราะห์ตลาด

หมดยุคทำกำไรกับ ICO แล้วหรือ!?

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคงไม่มีอะไรร้อนแรงไปมากกว่าการลง ICO กับกำไรหลายเท่าทันทีหลังจากที่เหรียญเข้าตลาด คนก็เข้าไปแย่งซื้อกันยังกับแจกฟรี จะขอ $30m $60m หรือ $100m คนก็เทให้ แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไม ICO โปรไฟล์ดีและกระแสดีนั้นถึง flip กันไม่ค่อยได้แล้ว เข้าปั้ปกำไรนิดเดียวหรือไม่ก็ขาดทุนไปเลย

เรามาดูแนวโน้มของ ICO ในอนาคตกันครับ

เกิดอะไรขึ้นกับ ICO ?

จริงอยู่ว่าเรายังเห็นคนโยนเงินให้ ICO เหล่านี้กันอย่างบ้าคลั่ง แต่คนกลับไม่แย่งกันซื้อในตลาดอีกแล้ว นั้นเป็นเพราะ??

จำนวน ICO ที่มากขึ้น

การที่มี ICO มากขึ้นจริงๆแล้วไม่ใช่ปัญหา ปัญหาจริงๆมาจาก

  • การที่เงินในตลาด Crypto โตตามไม่ทัน ผลก็คือเงินที่จะมาซื้อเหรียญ ICO ตอนเข้าตลาดกระจายไป ทำให้กำไรต่อ ICO ลดลง
  • Hard Cap ที่สูงเกินความเป็นจริง ซึ่งอาจเป็นเพราะความโลภของทีมงาน หรือว่าการได้เงินง่ายๆจากนักลงทุน ทำให้ช่วงหลังมีโปรเจคที่ตั้ง Hard cap สูงขึ้นกว่าแต่ก่อน

ลองนึกภาพว่าถ้าแต่ละ ICO นั้นเปิดตัวที่ประมาณ $30-50m หากเราต้องการผลตอบแทน 2-3เท่า มูลค่าโปรเจคนั้นต้องขึ้นไปสูงถึง $100m เลยทีเดียว ซึ่ง $100m+ นี่ถือว่าอยู่ใน Top 50 ของเหรียญ Crypto ทั้งหมด และอยู่ใน Top 20 ถ้าไม่นับพวกเหรียญสกุลเงิน ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่โปรเจคใหม่ๆจะไปอยู่ในกลุ่มนั้นได้หากมูลค่าตลาดยังไม่โตไปมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

อีกทั้งถ้ามีซัก 20โปรเจคในเดือนนี้เข้า Exchange ด้วยมูลค่าที่เท่าๆกัน เงินในตลาดคงไม่พอที่จะมาปั้มราคาเหรียญทั้ง 20เหรียญนี้ นักลงทุนก็ต้องเลือกเหรียญที่ดีที่สุดในนั้น

นักลงทุนฉลาดขึ้น

จากเมื่อก่อนเราต้องไปแย่งกันซื้อ ICO คนที่พลาดก็ไปซื้อบน Exchange ตอนนี้เรามีทั้ง private sale, pre-sale, public sale ให้เลือก แถมได้โบนัสต่างกันอีกต่างหาก ซึ่งนักลงทุนนั้นเริ่มรู้ทันกันแล้วว่าพวกซื้อก่อนนั้นได้โบนัสขนาดไหน บางที่ให้โบนัสกัน 50%-100% ใครจะไปอยากซื้อตอน public sale หรือตอนเข้า Exchange หละ เพราะพวกที่ได้โบนัสเยอะๆนี่เทขายกันสบาย

อีกทั้งนักลงทุนเริ่มมองเห็นว่าคนที่แย่งกันลง ICO ส่วนมากนั้นหวังกำไรระยะสั้น เข้าตลาดมาไม่นานก็ขาย พอมีแต่คนคิดจะเทขาย บวกกับที่ ICO นั้นมี Cap สูง คนที่อยากซื้อก็ซื้อกันได้หมดแล้ว พอเข้าตลาดใครจะมาซื้ออีก ผลก็คือราคาเหรียญเลยไม่พุ่งหลังเข้าตลาด

มาตรฐานการลงทุนสูงขึ้น

เมื่อก่อนนั้น ราคาเหรียญนั้นพุ่งขึ้นได้ง่ายๆจากปัจจัยเหล่านี้

  • มี Advisor คนดังเข้าร่วม (เช่นมี Co-founder of Ethereum ซักคน)
  • ข่าวว่าไปคุยเรื่องพาร์ทเนอร์กับบริษัทต่างๆ
  • ข่าวว่าไปพรีเซนต์ตามงาน Conference
  • ข่าวการเข้า Exchange ใหม่
  • อัพเดทเวปไซต์
  • อัพเดทโลโก้
  • อัพเดท Roadmap
  • ทวีตว่ายังทำโปรเจคอยู่ (ยังไม่ตายจากไปไหน) หลังจากหายไปนาน

พูดง่ายๆคือจากเมื่อก่อนที่นักลงทุนหน้าเก่าและเหล่า influencer ในวงการสามารถปั่นราคาเหรียญที่ทั้งคุณภาพดีจริงและคุณภาพแย่กันได้จากเรื่องราวเล็กๆเหล่านี้ มาตอนนี้จำนวนเหรียญมีให้เลือกเยอะขึ้น คนก็ระวังกันมากขึ้น เราเริ่มจะเห็นว่าเรื่องพวกนี้มีผลกับราคาน้อยลงมาก นักลงทุนเริ่มอยากเห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า ไม่ใช่มีแค่ไอเดียแต่ไร้ผลงาน พูดได้ว่าหมดยุคลงมั่วๆตามกระแสแบบเห็นว่ามี advisor ดังแล้วลงตามกัน

แนวโน้ม ICO ในอนาคต

เราจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมานั้นเราสามารถทำกำไรกับ ICO ได้โดยดูจากแค่กระแสเป็นหลัก ทำเอาพื้นฐานแทบไม่สำคัญเลยทีเดียว แต่จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เราจะเริ่มเข้ามาสู่ยุคที่นักลงทุนจะมองปัจจัยพื้นฐานของ ICO และเหรียญในตลาด มากกว่ามองแค่กระแสชั่วครั้งชั่วคราว ทำให้ในอนาคตอันใกล้จะการปรับตัวจากทั้งผู้ทำ ICO และนักลงทุน เช่น

  • ICO hard cap ที่ต่ำลงและสมจริงมากขึ้น 
  • ไอเดียกับ whitepaper อย่างเดียวไม่พอ จะมีตัวอย่างสินค้าพร้อมให้ลองหรือมีการทดสอบระบบเบื้องต้นก่อนทำ ICO
  • มี business model ที่ชัดเจน มีแผนการเจาะตลาดที่ชัดเจน
  • เปิดเผยตัวเลขด้านธุรกิจมากขึ้น เช่นเรื่อง traction ว่ามีคนใช้จริงแล้วเท่าไหร่
  • หลักฐานด้านการพาร์ทเนอร์กับบริษัทอื่นๆ
  • แสดงหน้าที่ของที่ปรึกษา advisor อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่แปะชื่อไว้แต่ในความเป็นจริงไม่รู้มันมีส่วนร่วมขนาดไหน
  • เริ่มมีการสร้าง standard สำหรับ ICO คุณภาพที่คอมมิวนิตี้หรือบริษัทอื่นเข้ามาช่วยรีวิวได้ พูดง่ายๆคือถ้า ICO ไม่ผ่านเกณฑ์นี้ นักลงทุนก็จะไม่ลง

ตามธรรมชาติของตลาดแล้ว เมื่อมีโปรเจคมากขึ้น นักลงทุนระวังตัวกันมากขึ้น พวกโปรเจคดีๆก็จะปรับตัวและจะแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าทีมงานมีความพร้อมเหนือโปรเจคอื่นอย่างไร ในขณะเดียวกันการสื่อสารกับนักลงทุนจะมีความชัดเชนและโปร่งใสมากขึ้น

ผลก็คือ เงินลงทุนจะไหลไปยังโปรเจคใหม่คุณภาพดีๆและโปรเจคเก่าๆที่มีผลงานจริงๆมากขึ้น ทำให้กำไรต่อโปรเจคนั้นสูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน (ไม่ใช่เงินกระจายๆกันไปมั่วๆแบบตอนนี้) ส่วนโปรเจคที่ไม่ดีก็จะแทบไม่ได้เงินเลยและจะตายไปในที่สุด

ปิดท้าย

มันใกล้จะถึงจุดที่ตลาด ICO/Crypto นั้นจะคล้ายกับตลาดหุ้นที่โปรเจคต่างๆจะต้องมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือในระดับหนึ่งหากต้องการเงินจากนักลงทุน อย่างไรก็ตาม การลง ICO นั้นเสมือนลงทุนในบริษัท early stage startup แทนที่จะเป็นบริษัทที่โตมาระดับนึงแล้ว เราก็ต้องระวังในการคัดเลือก ICO เอามากๆ

คอยน์แมนเคยเขียนเทคนิคการเลือกเหรียญ และเลือก ICO ไว้ หากเพื่อนๆคนไหนยังไม่ได้อ่านก็ไปดูกันได้ครับ วิธีการคัดเลือกจากพื้นฐานพวกนี้ใช้ได้ตลอดครับ

ส่วนเทคนิคเพิ่มเติมการเทรดเหรียญ ICO ในช่วงนี้ คอยน์แมนจะเขียนให้เพื่อนๆอ่านกันเร็วๆนี้นะครับ

 

ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางเพจคอยน์แมนครับ

https://www.facebook.com/coinmanth/