วิเคราะห์ตลาด

ทำไม Bitcoin Futures ถึงไม่ดีต่อตลาด Crypto ในระยะยาว

ในเดือนนี้เราได้เห็น CBOE (Cboe Global Markets) เปิดเทรด Bitcoin futures ในช่วงต้นเดือน และ CME ที่พึ่งเปิดเทรดไปเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมนี้อีกด้วย

ซึ่งคนส่วนมากก็ได้ hype เรื่องนี้กันมากและอาจจะคิดไปว่า Bitcoin นั้นไป mainstream ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินแล้วเงินจะไหลเข้ามาในตลาดจำนวนมาก

วันนี้คอยน์แมนเลยถือโอกาสมาอธิบายว่า Bitcoin futures มันทำงานยังไง และทำไมมันอาจไม่ใช่เรื่องดีต่อตลาด Crypto นะครับ

Futures คืออะไร?

Futures นั้นถือว่าเป็นอนุพันธ์หรือ Derivatives ชนิดหนึ่ง ซึ่งคอนเซปมันไม่ยากเลยครับ

ปกติแล้วเวลาเราเทรดกัน เราก็เปลี่ยนกันทันทีเลยใช่ไหมครับ เช่น A ใช้เงิน $20,000 ซื้อ 1 BTC จาก B

แต่สำหรับ Futures contract A อาจจะขอซื้อ 1 BTC จาก B ในราคา $20,000 อีก 3 เดือนข้างหน้า

พอ 3 เดือนผ่านไป ถ้า 1 BTC ราคาขึ้นไป $25,000 B ก็ยังจะต้องให้ 1 BTC กับ A ในขณะที่ A จ่ายแค่ $20,000 ตามที่ตกลงกัน หมายความว่า A ซื้อได้ถูกกว่าราคาตลาดตอนนั้นหรือกำไร $5,000 นั้นเอง

กลับกัน ถ้า 1 BTC ราคาลงมาที่ $15,000 A ก็ต้องจ่าย $20,000 อยู่ดี แปลว่า B ขาย 1 BTC ในราคาที่สูงกว่าตลาดถึง $5,000 กำไรไปสบายๆในขณะที่ A ขาดทุน

ประโยชน์ของ Futures

ตามหลักแล้วตลาด Futures นั้นเกิดขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับ Hedging พูดง่ายๆคือ ให้คนขายและผู้ซื้อสินค้าสามารถล็อคราคาได้ ซึ่งมันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์กับธุรกิจอย่างมากในทุกๆวงการ เพราะว่ามันช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของอนาคต เราสามารถ fix ค่าเงิน หรือราคาวัตถุดิบในอนาคตได้เพื่อทำให้ธุรกิจเราราบรื่น

นึกภาพว่าถ้า A เป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟซึ่งจะมอบผลผลิตให้ B ที่เป็นบริษัทขายปลีกกาแฟในอีก 3 เดือน การใช้ futures contract นั้นจะช่วยให้พวกเขาล็อคราคาที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายล่วงหน้าและหลีกเลี่ยงกับความไม่แน่นอนของราคาเมล็ดกาแฟในอนาคตได้ (เมล็ดกาแฟอาจขาดตลาด ทำให้ราคาสูงขึ้น ถ้าซื้อล่วงหน้าแบบนี้ก็จะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ)

แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นนะสิ

เพราะว่า Futures ที่นักเทรดใช้กันส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ทำมาเพื่อผู้ผลิตและผู้บริโภคล็อคราคากัน แต่มีไว้เพื่อเทรดเก็งกำไรกันโดยเฉพาะ ในเคสเมล็ดกาแฟ มันทำให้นักเทรดแค่พนันว่าราคามันจะขึ้นหรือลงในอนาคตและไม่ต้องมอบเมล็ดกาแฟกันจริงๆได้ (เหมือนกับพวก futures contract ส่วนมากที่เทรดกัน เช่นทองคำ น้ำมัน)

ในเคสของ Bitcoin futures ที่ทาง CME หรือ CBOE เปิดนั้นก็ไม่ต่างกัน เพราะมันทำให้พวก Wall Street (ในที่นี้หมายถึงสถาบันการเงินและกองทุนใหญ่ๆ hedge fund เป็นต้น) สามารถเทรดโดยไม่แตะทรัพย์สินของจริงได้ โดยที่คู่สัญญาจะชดเชยส่วนต่างของราคากันด้วย USD หรือที่เรียกกันว่า Cash Settlement ยกตัวอย่างเช่น A ซื้อ Bitcoin futures contract ที่ราคา $20,000 กับ B ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันจริงๆ ราคาบิทคอยน์ในตลาดตอนนั้นเท่ากับ $15,000 หมายความว่า A จะขาดทุน $5,000 และเอาเงิน USD นั้นให้ B (แทนที่จะต้องซื้อบิทคอยน์มาคืน B)

จากตัวอย่างนี้เราจะเห็นได้ว่า Futures contract เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนสามารถเทรดบิทคอยน์ได้โดยไม่ต้องมีบิทคอยน์ในมือหรือโอนกันตอนจบสัญญาเลย พูดง่ายๆก็พนันกันนี่แหละครับ (สำหรับผมมันแปลกมากที่สถาบันต่างๆออกมาต้านบิทคอยน์แต่ตลาดอนุพันธ์พวกนี้กลับถูกกฏหมาย)

อีกทั้งการเทรด futures นั้นสามารถใช้ leverage ได้ ซึ่งแปลว่าเราสามารถเทรดได้มากกว่าเงินที่เรามี ตัวอย่างเช่น CME นั้นให้เรามีเงิน margin 35% ของที่จะเทรด หมายความว่าเราสามารถเทรด 5 BTC ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ $100,000 โดยมีเงินโชว์ในบัญชีเพียงแค่ $35,000 ได้

ผลกระทบต่อตลาด Crypto

1. เงินไม่ได้เข้าตลาด Crypto

Bitcoin futures นั้น settle ด้วยเงิน USD อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งแปลว่าเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆหรือกองทุนต่างๆที่ควรจะไหลเข้ามาดันราคาบิทคอยน์ กลับไปลงที่ Bitcoin futures แทน โดยที่บิทคอยน์จริงๆนั้นไม่มีการถูกซื้อจากในตลาดแม้แต่นิดเดียว

หรือพูดง่ายๆคือ สิ่งที่คนหวังกันว่าเงินกลุ่มนั้นที่จะเข้ามาในตลาด Crypto และช่วยดันราคากลับไม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะคนกลุ่มนั้นสามารถทำกำไรเป็นเงิน USD กับการเทรด Bitcoin futures ได้แทน

แปลว่าในระยะยาวนั้นนักลงทุนส่วนมากจะหันมาเล่นตลาด Futures เพื่อเก็งกำไรกันมากขึ้นเนื่องไม่ต้องลำบากไปซื้อบิทคอยน์ในตลาด หรือปวดหัวเรื่องการเก็บรักษาบิทคอยน์ให้ปลอดภัยอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ต้องใช้เงินทุนมากเท่ากับไปซื้อในตลาดจริง เพราะตลาด Futures นั้นใช้ Leverage ได้ 

อย่างที่คอยน์แมนเคยเทียบไปว่ามูลค่าบิทคอยน์นั้นยังน้อยเมื่อเทียบกับตลาดทองคำทั้งหมด แต่ถ้าเรามี Bitcoin futures เข้ามาแย่งเงินทุนตรงนั้นไป ตลาดบิทคอยน์จริงๆก็อาจโตไม่ถึงตลาดทองคำได้

ถ้าเงินไหลเข้ามาที่บิทคอยน์น้อยลง ก็เท่ากับเงินเข้า Altcoin น้อยลงเช่นกัน

2. Supply ที่ไม่จำกัดทำให้สูญเสีย Scarcity หรือความหายากไป

Demand และ Supply ของบิทคอยน์ในตลาด (เวลาเราดู order book ว่ามีคนตั้งซื้อตั้งขายเท่าไหร่) จะไม่มีผลกับคนกลุ่มนี้อีกต่อไป เพราะมันไม่ได้ซื้อบิทคอยน์จากตลาดจริงๆ

ลองคิดดูถ้าเงินเหล่านี้เข้าไปซื้อบิทคอยน์ในตลาดจริงๆ ราคาจะขึ้นไปขนาดไหน เพราะว่าปริมาณ supply ของบิทคอยน์นั้นมีจำกัด แถมบิทคอยน์ประมาณ 20% นั้นหายสาบสูญไปและ 40% ก็ไม่ได้ถูกนำมาเทรด ทำให้เหรียญที่คนซื้อกันได้เหลือน้อยมาก เมื่อคนตั้งขายน้อยแต่คนต้องการซื้อเยอะ ราคาก็ควรจะพุ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับตลาด Futures  เพราะ supply มีไม่จำกัด แปลว่าคนจะเทรดกันมากกว่า 21 ล้านบิทคอยน์ก็ได้ถ้ามี margin เพียงพอกับมูลค่า

จากมุมมองของคอย์นแมนแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวและไม่แปลกเลยถ้าต่อไปคนสามารถเทรด Bitcoin futures กันได้มากกว่า total supply ของบิทคอยน์อีก ตัวอย่างที่เด่นชัดคือตลาดอนุพันธ์ของทองคำนั้นมีขนาดใหญ่ $9.8 trillions ซึ่งมากกว่าตลาดทองคำจริงๆที่มีมูลค่าประมาณ $42 billions ถึง 200 เท่าตัวได้!

3. ผลกระทบต่อราคาทางจิตวิทยา

แม้ว่าคอยน์แมนจะอธิบายไปว่าการเทรด Bitcoin futures นั้นไม่ได้เป็นการซื้อขายบิทคอยน์จริงๆในตลาด แต่มันก็ยังมีผลต่อราคาตลาดอยู่ดี นั้นเป็นเพราะถ้าเราเห็นว่าราคา Futures นั้นต่ำกว่าราคาปัจจุบันมาก นักเทรดก็อาจจะกลัวกันได้ว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต เช่นคนที่ทุนหนามาเทขายทำให้ราคาเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือคนจะคิดว่าตลาด Futures รู้ข่าววงในใช่ไหมราคาถึงปรับเปลี่ยนไปในทิศทางนี้ เพราะฉะนั้น แม้จะดูเป็นทางอ้อมแต่ราคา Bitcoin futures นั้นก็มีผลต่อการตัดสินใจซือขายในตลาดจริงอยู่เหมือนกัน

เราอาจเห็นข่าวว่าพวก Wall Street จะใช้ Futures กดราคาบิทคอยน์ให้จมดินหรือจะทำให้บิทคอยน์เชื่อง (ขึ้นลงอยู่ในกรอบเกณฑ์ของพวกเค้า) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคนถือบิทคอยน์ไม่แคร์ มันก็ไม่มีผลหรอกครับ ไม่เหมือนกับตลาดทองที่คนถือทองจริงๆนั้นน้อย ส่วนใหญ่จะเทรด paper gold กันทั้งนั้น แต่สำหรับบิทคอยน์เราสามารถเข้าไปครอบครองและถือกันง่าย แปลว่าถ้าพวกเราไม่ตกใจ panic แล้วขาย ราคาบิทคอยน์ก็ไม่โดนคนกลุ่มนี้กดหรอกครับ

ปิดท้าย

ในระยะสั้น ข่าวพวกนี้อาจจะทำให้บิทคอยน์เริ่มเป็นที่รู้จักและยอมรับกันในวงกว้างแม้แต่จากสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยทำให้คนหันมาสนใจตลาด Crypto มากขึ้น แต่ในระยะยาวแล้ว มันมีสิทธิทำให้ราคาบิทคอยน์นั้นขึ้นไปได้ช้าลงกว่าที่พวกเราคาดหวังไว้ (แต่สุดท้ายคอยน์แมนก็เชื่อว่ากลุ่มคนพวกนี้ควบคุมไม่ได้หรอก ถึงจะพยายามแทบตาย)

ถ้าเรายังเห็นตลาดมุ่งไปในทิศทางนี้ ไม่แปลกเลยที่ต่อไปเราจะเห็นอนุพันธ์และผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบพิศดารผุดขึ้นมาเต็มไปหมดจากบริษัทต่างๆ และไม่ใช่แค่ Bitcoin แต่เหรียญอื่นๆเช่น ETH LTC BCH ก็อาจจะมี futures ในอนาคตด้วย (เพราะดูเหมือนมันจะได้การยอมรับทางกฎหมายมากกว่าเทรด Crypto จริงๆด้วยซ้ำ) นี่ก็อาจจะสัญญาณที่บอกเป็นนัยๆได้แล้วว่าระเบิดเวลาเริ่มก่อตัวแล้ว

อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของบิทคอยน์ที่กำเนิดหลังจาก Financial crisis ปี 2008 คือการสร้างเงินที่เป็นอิสระจากสถาบันการเงินและรัฐที่พยายามควบคุมเศษฐกิจ (ในทุกๆวิกฤตล้วนแล้วแต่มีสถาบันการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ) ดังนั้นจริงๆแล้วเราไม่ควรดีใจที่สถาบันการเงินเข้ามาผัวพันกับตลาดบิทคอยน์ด้วยซ้ำครับ กลับกันเราควรให้คนกลุ่มนี้เห็นว่าพวกเค้าไม่สามารถมาควบคุมตลาดนี้ให้ได้ดั่งใจเหมือนตลาดอื่นๆครับ

 

ติดตามบทความใหม่ๆได้ทางเพจคอยน์แมนครับ

https://www.facebook.com/coinmanth/